วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

5 สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยน! ถ้าอยากก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝัน ถ้าถามว่าความสำเร็จคืออะไร ความสำเร็จคือเงินทองมากมาย กลายเป็นเศรษฐีพันล้านอย่างเดียวเหรอ แน่นอนว่าความสำเร็จไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ว่าคุณจะต้องมีเงินทอง มีบ้าน มีรถ และมีครอบครัว เพราะความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะอยากมีอิสระทางการเงิน แล้วออกไปนอนเล่นใช้ชีวิตแบบ Slow Life หรือบางคนก็อยากไต่เต้าไปสู่จุดสูงสุดของการทำงาน
แล้วอะไรคือตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คุณไปถึงจุดสูงสุดที่ใฝ่ฝันไว้บ้าง วันนี้ นำข้อคิดดีๆ มาฝากทุกคนค่ะ ลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตของคุณ ความสำเร็จก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

1. ต้องมีความชัดเจน
ถามว่าความชัดเจนคืออะไร ความชัดเจนในที่นี้หมายถึง การที่คุณสามารถตอบคำถามตัวเองได้ว่า งานที่คุณทำอยู่นั้นให้อะไรกับคุณบ้าง เวลาเจ้านายถามถึงจุดบกพร่องในงานคุณสามารถให้คำตอบได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ใครถามอะไรก็บอกว่า เอ่อ..ไม่รู้สิครับ แล้วแต่เลย เชื่อไหมคะว่าสิ่งนี้แหละที่จะปิดกั้นคุณออกจากความสำเร็จ คนที่ไม่กล้าตัดสินใจ และไม่ชัดเจนต่อความคิดของตน มันก็ค่อนข้างห่างไกลความสำเร็จเหมือนกันนะ คุณอาจจะต้องเป็นผู้ตามไปตลอด แบบนี้คงไม่ดีจริงไหม ซื่อสัตย์ต่อความคิด และอย่าไปกลัวที่จะแสดงความเห็นของคุณให้กับผู้อื่นค่ะ

2. อย่าลืมพัฒนาความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง
เคยได้ยินไหมคะว่า คอนเนคชั่นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเส้นสายมากกว่าความสามารถของตนเอง แต่เชื่อไหมว่าเกินครึ่งของคนที่มีคอนเนคชั่นที่ดี ก็คือคนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ให้ความสำคัญกับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตน ใครที่คิดว่าอยู่ตัวคนเดียวก็ได้ ความสามารถมี ไม่ต้องพึ่งพาใคร อาจต้องเปลี่ยนความมุมมองเสียใหม่ ความสามารถคุณมี แต่ถ้าไม่มีโอกาส มันอาจจะหมดความหมายไปเลย อย่าลืมใส่ใจคนรอบข้าง สร้างคอนเนคชั่นที่ดีให้ตัวเองไว้ให้มากๆ ค่ะ

3. ปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่
สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราใช้ สิ่งที่เรากิน หรือความคิดของเราที่มีต่อสิ่งเหล่านั้น จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นมาจาก Attitude (ทัศนคติ) ที่เรามีทั้งสิ้น ยกตัวอย่างคนบางคนมองว่าการใช้ข้าวของแบรนด์เนมเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวเขา แต่กลับอีกคนมองว่าเป็นของฟุ่มเฟือยและไร้สาระ สิ่งนี้เกิดมาจากทัศนคติที่ตรงข้ามกันสุดขั้ว ปัญหาของมันก็คือทำอย่างไรให้คนสองประเภทนี้มีการยอมรับความคิดของกันและกัน นี่แหละค่ะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากทีเดียว ดังนั้นคนที่สามารถปรับทัศนคติของตนได้อย่างกลมกลืนในทุกสถานการณ์ คือคนที่อยู่รอด และสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย มองโลกเป็นสีดำมันก็จะดำ แต่ถ้ามองเป็นสีเทาๆ มันก็จะเป็นสีเทาๆ อย่างที่คุณมองนั่นแหละค่ะ

4. มีการจัดการอย่างเป็นระบบ
ใครที่รู้สึกชีวิตตัวเองยุ่งเหยิงยกมือขึ้น! งานนี้ก็เผาขน งานนั้นก็พอกกองไว้จนล้มลงมาทับตัวเอง คิดอะไรก็ไม่ออก พลาดการนัดครั้งสำคัญ เพราะหลงลืม สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากการละเลยการจดข้อความเตือนตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น to do list หรือ การมีสมุดนัดที่ชัดเจน ก็จะช่วยให้การทำงานมันง่ายขึ้น CEO ชั้นนำเคยเผยเคล็ดลับไว้ว่า การทำตัวให้ดูยุ่งตลอดเวลา กับการทำงานด้วยความขยันขันแข็งเป็นคนละเรื่องกัน เพราะคนที่ทำงานด้วยความโปรดักทีฟก็อาจจะเป็นคนที่งานไม่ได้ยุ่งมากแต่เขาทำงานแต่ละงานด้วยความเต็มที่และเอาใจใส่ ส่วนคนที่ดูวุ่นวายและยุ่งตลอดเวลาจริงๆ แล้วงานอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่มันเกิดจากการเรียงลำดับที่ไม่ถูกต้อง และยังระบุไว้อีกด้วยว่า การเริ่มต้นวันด้วยงานที่ยากที่สุดไล่ไปถึงงานที่ง่ายที่สุด จะสามารถช่วยให้งานเกิดประสิทธิภาพขึ้น งานเสร็จทันเวลา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเราเองก็ลองนำมาปฏิบัติดูก็ได้ผลที่น่าพอใจทีเดียวค่ะ

5. ลงมือทำ อย่ามัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือการลงมือทำ มีโปรเจ็คยักษ์อยู่ในหัว มีคำพูดปั้นฝันไว้มากมาย แต่เหมือนเกรงกลัวอะไรบางอย่าง จนคนอื่นนำฝันของเราไปทำตัดหน้า สุดท้ายต้องมานั่งเศร้าโศกเสียใจอยู่เงียบๆ แบบนี้ก็เกิดจากตัวเองทั้งสิ้น คิด คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน หาทรัพยากรที่ดี แล้วลงมือทำ แค่นี้ความสำเร็จก็มากองรออยู่ตรงหน้าคุณแล้วค่ะ
จะประสบความสำเร็จได้นั้นอย่าลืมว่าเราต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นกิจวัตร อย่าเพิ่งย่อท้อต่อสิ่งเร้า หรือคนนินทาดูถูก ถ้าคุณมีความแข็งแกร่งพอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากแค่ไหน คุณก็ต้องคว้าความสำเร็จมานอนกอดได้อย่างแน่นอน  พร้อมเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น