ก่อนอื่นเลย คุณต้องมีการปรับเปลี่ยน mindset เสียก่อน รับรองว่าความสำเร็จรอคุณอยู่ไม่ไกล และความหงุดหงิดใจต้องเบาบางลง
Mindset คืออะไรรู้ไหมค่ะ
มันคือ กระบวนการทางความคิด การปรับทัศนคติ มองโลกในแง่มุมที่ควรจะเป็น การปรับความชอบหรือนิสัย หรือการจัดลำดับความคิดของเราด้วยตัวของเราเอง
แล้วเราจะเริ่มปรับ mindset ของเราอย่างไรให้เกิดความสำเร็จ เรามาลองค่อยๆทำตามที่ละข้อนะคะ
1. หยุดเปรียบเที่ยบ
บางครั้งคุณมักจะคอยเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลาว่า คุณนู้นดีอย่างโน้น คนนี้ดีกว่าคุณตรงนี้ คนนั้นรวยดีมีมาก คนนั้นเขาโชคดีประสบความสำเร็จเร็วจัง
จนบางครั้ง คุณเองลืมหยุดมองข้อดีที่ตัวคุณเองที่มีอยู่หรือเปล่า อย่าลืมว่าแต่ละคนมีจุดดีจุดเด่นไม่เหมือนกัน หากคุณเริ่มจากการหาจุดแข็งของตนเอง ภูมิใจในสิ่งที่คุณมี มุ่งเน้นถึงความสำเร็จ และมีความสุขกับความสำเร็จของตนเอง ไม่อิจฉา หรือคอยเปรียบเที่ยบกับใคร ชีวิตก็มีความสุขดี
อีกอย่าง คุณรู้ไหมว่าในระหว่างที่คุณอิจฉาเพื่อนบ้านที่มีรถหรู Porche จอดเต็มหน้าบ้าน แต่เจาะลึกลงไป ความจริงในบ้านเขาอาจมีหนี้สินมากมายที่คุณอาจไม่เคยรู้ หรือผู้หญิงที่ชอบบ่นเหงาว่าแฟนไม่มีเวลาให้ ในขณะที่แฟนตนเองทำงานตลอดทั้งวัน เพื่อให้ได้มีเงินพาเธอไปเที่ยว ลองหยุดน้อยเนื้อต่ำใจ และหยุดเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา แล้วหันมามองข้อดีของคุณบ้าง
2. ทุกอย่างไม่จำเป็นต้อง PERFECT
“PERFECTIONISM เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่เป็นตัวกีดกันความสำเร็จ”
เมื่อเรายึดติดว่าความสำเร็จต้องบรรลุ 100% ทำให้บางครั้งเราอาจต้องเหนื่อยใจ และ ปล่อยละเลยการทำสิ่งนั้น เมื่อเราคิดว่ามันคงไม่มีทางทำให้มัน perfect ได้
ลองเปลี่ยนความคิดเป็น เราจะทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างอาจไม่สามารถดีเยี่ยมได้ 100% เพียงแต่เราได้พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว หากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ก็พยายามที่จะหาทางแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้แต่ละจุด เมื่อคุณคิดได้แบบนี้ คุณจะสนุกกับการเผชิญหน้าต่ออุปสรรคและมีความสุขในความสำเร็จของคุณในแต่ละก้าว
จำไว้…. Everybody is not Perfect but we can do the best to success.
3. หาหลักฐานเสริมความคิด
เมือใดก็ตามที่คุณคิดว่า คุณทำไม่ได้หรอก คุณไม่มีศักยภาพพอที่จะทำมันสำเร็จหรอก หยุด!! ความคิดนี้ คุณต้องหาหลักฐานมายืนยันความคิดด้านลบของคุณให้ได้ ว่าคุณทำมันไม่ได้จริงหรอ และเพราะอะไร
บางครั้งคุณมักคิดว่าคุณทำมันไม่ได้หรือทำมันไม่ดี เช่น เวลาคุณพรีเซนต์งานไป คุณเห็นเพื่อนร่วมงานคุณเงียบระหว่างที่คุณพรีเซนต์ คุณเลยคิดเองว่า เพื่อนร่วมงานคุณไม่ชอบงานคุณ ไม่ชอบสิ่งที่คุณพรีเซนต์ แต่ความจริงแล้ว เขาอาจไมไ่ด้ใส่ใจ หรืออาจไม่มีใครคอมเม้นส์ในสิ่งที่คุณทำเลย เพียงเพราะ “คุณคิดไปเอง” หรือ “คุณใส่ใจคนอื่นเกินเหตุ”
4. ให้คำจำกัดความใหม่ของคำว่า “ผิดพลาด”
การกลัวความผิดพลาด ทำให้เราหลายๆคนไม่กล้าออกจาก comfort zones ไม่กล้าที่จะเสียง หรือ ลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวว่าทำไปแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ หรือ ไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะดีหรือเปล่า
หากคุณให้คำจำกัดความของความผิดพลาดเป็น “บทเรียน” คุณจะสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมในแต่ละก้าวของชีวิต เมื่อความผิดกลายเป็นครูสอนคุณให้เรียนรู้และเติบโตอย่างมั่นคงขึ้น
5. หยุดสนใจความคิดของคนอื่นมากเกินไป
Who’s CARE?? ถ้าเรามัวแต่คอยสนใจคนอื่น คำพูด ความรู้สึกของทุกคนรอบตัวคุณมากเกินไปอาจทำให้คุณไม่เหลือความเป็นตัวเองเลย เราไม่ได้บอกให้คุณไม่สนใจโลกภายนอก เพียงแต่ คุณควรสนใจในสิ่งที่คุณควรสนใจ และเลิกสนใจในสิ่งที่ไม่ควรสนใจ
ในโลกเราปัจจุบัน มีทั้งคนที่หวังดี และไม่หวังดีกับเรา ถ้าเรามัวแต่สนใจทุกคน โดยเฉพาะใส่ใจคำพูดของคนที่ไม่หวังดีกับเรา อาจทำให้เราติดขัดในการตัดสินใจและความก้าวหน้าได้ เพราะฉะนั้น อย่าให้ใครมามีอำนาจการตัดสินใจเหนือคุณ และจำไว้ว่าสิ่งที่คุณตัดสินใจต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเช่นกัน
นี่เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นที่อยากให้คุณเริ่มเปลี่ยนความคิดทีละนิด ทีละหน่อย แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่าการเริ่มเปลี่ยนความคิดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แค่คุณเริ่มเปลี่ยนความคิด คุณก็จะมีความสุขในการดำเนินชีวิตมากขึ้น ลองดูนะคะ
“วันนี้ฉันมีความสุขจังเลย ที่ได้ชวนคุณมาเปลี่ยนความคิด และฉันเชื่อว่าเราจะมีความสุขขึ้นแน่นอน!!!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น